แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แต่งตั้งผู้บริหารหลายคนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

Browse By

ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น หลังจากที่สโมสรประกาศแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ภายใต้การนำของ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมคนใหม่จาก INEOS การปรับโครงสร้างครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญที่อาจพลิกโฉมแมนฯ ยูไนเต็ดจากทีมที่ประสบปัญหาด้านการบริหารในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ให้กลับมาเป็นองค์กรฟุตบอลที่มีประสิทธิภาพและความเป็นมืออาชีพในทุกมิติอีกครั้ง

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แฟนบอลปีศาจแดงต่างวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของฝ่ายบริหารที่ดูเหมือนจะขาดทิศทางที่ชัดเจน โดยเฉพาะหลังยุคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ทีมต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งในสนามและนอกสนาม แต่การเข้ามาของแรตคลิฟฟ์ดูเหมือนจะเปลี่ยนแนวทางทั้งหมด เขาให้คำมั่นว่าจะสร้างโครงสร้างบริหารแบบ “ฟุตบอลนำธุรกิจ” ไม่ใช่ “ธุรกิจนำฟุตบอล” เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นแนวคิดที่ถูกใจแฟนบอลจำนวนมาก

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลัง แรตคลิฟฟ์และทีมงานจาก INEOS ได้แต่งตั้งบุคลากรระดับสูงหลายคนเข้ามาร่วมงาน โดยหนึ่งในนั้นคือ โอมาร์ เบอร์ราดา อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งย้ายข้ามฟากมารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของแมนฯ ยูไนเต็ด การแต่งตั้งครั้งนี้สร้างความฮือฮาอย่างมาก เพราะเบอร์ราดาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่มีส่วนช่วยให้แมนฯ ซิตี้กลายเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จที่สุดในรอบทศวรรษ ด้วยความสามารถในการบริหารงานเชิงโครงสร้าง การจัดสรรทรัพยากร และการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างฝ่ายเทคนิคกับฝ่ายธุรกิจได้อย่างลงตัว

แฟนบอลหลายคนมองว่าการได้ตัวเบอร์ราดาคือการส่งสัญญาณว่าแมนฯ ยูไนเต็ดกำลังเดินหน้าอย่างจริงจังในการปฏิรูปองค์กร และไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผู้จัดการทีมตามวัฏจักรเดิมอีกต่อไป เขาเป็นผู้บริหารที่มีชื่อเสียงในเรื่องการสร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนบอลปีศาจแดงเรียกร้องมานาน

นอกจากเบอร์ราดาแล้ว สโมสรยังแต่งตั้ง ดาน แอชเวิร์ธ เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายฟุตบอล หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในการวางรากฐานให้กับสโมสรไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน รวมถึงเคยทำงานในสมาคมฟุตบอลอังกฤษมาก่อน แอชเวิร์ธขึ้นชื่อในด้านการสร้างระบบสรรหานักเตะและพัฒนาเยาวชน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างทีมในระยะยาว เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังการค้นพบดาวรุ่งอย่างคาโอรุ มิโตมะ และอเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่กลายเป็นนักเตะระดับโลกในเวลาต่อมา

การมาของแอชเวิร์ธทำให้แฟนบอลมั่นใจมากขึ้นว่า สโมสรจะมีแนวทางการเสริมทัพที่ชัดเจน ไม่ใช่การซื้อนักเตะตามความนิยมหรือแรงกดดันจากสื่ออีกต่อไป การจัดการเรื่องสัญญา ค่าเหนื่อย และการวางแผนระยะยาวจะมีระบบมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนบอลอังกฤษจำนวนมากในแพลตฟอร์ม ทางเข้า ufabet ออโต้ เข้าเร็วไม่สะดุด ให้ความเห็นว่ามันคือ “สัญญาณของยุคใหม่ที่แท้จริง” ของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่เริ่มเปลี่ยนจากทีมที่เคยพึ่งบุคคล มาเป็นทีมที่พึ่งระบบและความยั่งยืน

อีกหนึ่งตำแหน่งสำคัญที่ได้รับการแต่งตั้งคือ เจสัน วิลคินสัน อดีตหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลของ INEOS Football ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการวิเคราะห์ในสโมสร เขาจะทำงานร่วมกับทีมส couting และทีมโค้ชในการนำระบบข้อมูลสถิติขั้นสูงเข้ามาใช้ในการประเมินนักเตะ การวางแท็กติก และการพัฒนาศักยภาพผู้เล่นในระยะยาว การใช้เทคโนโลยี Big Data ถือเป็นเรื่องที่แมนฯ ยูไนเต็ดล้าหลังมานานเมื่อเทียบกับสโมสรชั้นนำอื่น ๆ การแต่งตั้งครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการอุดช่องว่างทางเทคนิคที่มีมานานนับสิบปี

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการทำงานใหม่ที่มีความชัดเจนมากขึ้น แรตคลิฟฟ์ไม่ได้มองฟุตบอลในฐานะเพียงความบันเทิง แต่ในฐานะ “ระบบอุตสาหกรรม” ที่ต้องอาศัยข้อมูล การจัดการ และการวางแผนระยะยาว เขาเคยกล่าวไว้ว่า “ฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องของโชคหรือเงิน แต่คือเรื่องของระบบและวัฒนธรรมองค์กร” คำพูดนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับสิ่งที่แมนฯ ยูไนเต็ดกำลังพยายามสร้างขึ้น

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นยังรวมถึงการแต่งตั้ง เดวิด ไรล์ลีย์ เป็นหัวหน้าฝ่ายกายภาพและวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการยกระดับความฟิตของนักเตะและลดปัญหาอาการบาดเจ็บที่เป็นปัญหาหนักของทีมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ดคือหนึ่งในทีมที่มีผู้เล่นบาดเจ็บมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และสโมสรเชื่อว่าการจัดการทางวิทยาศาสตร์ที่ดีจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ในระยะยาว

ในขณะเดียวกัน ฝ่ายการตลาดและสื่อสารของสโมสรก็ได้รับการปรับโครงสร้างใหม่ โดยแต่งตั้ง โคลิน เชฟฟ์ เข้ามาดูแลด้านกลยุทธ์แบรนด์และการสื่อสารระดับโลก เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาพลักษณ์ของสโมสรในตลาดต่างประเทศ การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นว่าแรตคลิฟฟ์ไม่ได้มองแค่ด้านกีฬาเท่านั้น แต่ยังเข้าใจถึงความสำคัญของมูลค่าทางธุรกิจที่ต้องเติบโตควบคู่ไปกับความสำเร็จในสนาม

สื่ออังกฤษอย่าง The Athletic และ Sky Sports รายงานว่า การแต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่นี้เป็นเพียง “ระยะที่หนึ่ง” ของแผนปรับโครงสร้างองค์กรทั้งหมด ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องตลอดปีหน้า โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างระบบการบริหารแบบบูรณาการ ที่ฝ่ายเทคนิคและฝ่ายธุรกิจทำงานสอดประสานกัน ไม่แยกเป็นสองโลกเหมือนในอดีต ซึ่งเคยเป็นสาเหตุให้เกิดความขัดแย้งและความล่าช้าในการตัดสินใจเรื่องสำคัญของทีมหลายครั้ง

แฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ดจำนวนมากแสดงความเห็นในเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม ที่มีการพูดถึงการมาของเบอร์ราดาและแอชเวิร์ธว่าเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญของสโมสร” เพราะทั้งคู่เป็นผู้บริหารที่มีผลงานเป็นรูปธรรมและได้รับการยอมรับในวงการฟุตบอลอังกฤษมานาน หลายคนเชื่อว่าหากได้รับเวลาและอิสระในการทำงานอย่างเต็มที่ แมนฯ ยูไนเต็ดจะกลับมามีระบบการบริหารที่แข็งแกร่งเหมือนยุคทองอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไร้แรงต้าน เพราะมีรายงานว่าสมาชิกบางส่วนของฝ่ายบริหารเก่ายังรู้สึกไม่มั่นใจกับทิศทางใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยทำงานภายใต้ตระกูลเกลเซอร์มายาวนาน ซึ่งเคยชินกับการตัดสินใจเชิงธุรกิจมากกว่าฟุตบอล แต่แรตคลิฟฟ์ได้ยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้ “การเมืองภายใน” ขัดขวางการพัฒนาองค์กรอีกต่อไป เขาย้ำว่าทุกการแต่งตั้งและทุกการเปลี่ยนแปลงจะต้องมีเหตุผลรองรับที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพในสนามเท่านั้น

นอกจากโครงสร้างบริหารแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีแผนที่จะยกเครื่องระบบฟุตบอลเยาวชนและศูนย์ฝึกซ้อมคาร์ริงตันให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยจะนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์สมรรถภาพร่างกายและการฝึกซ้อมเสมือนจริง (VR Training) มาใช้ เพื่อให้สโมสรสามารถพัฒนาเยาวชนของตนเองขึ้นมาเป็นผู้เล่นทีมชุดใหญ่ในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง เป้าหมายของแรตคลิฟฟ์คือการสร้างระบบแบบเดียวกับที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้และเรอัล มาดริดใช้ ซึ่งเชื่อมโยงตั้งแต่ทีมเยาวชนจนถึงทีมชุดใหญ่ในทิศทางเดียวกัน

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในขณะที่ทีมของเอริก เทน ฮาก ยังคงอยู่ในช่วงที่ต้องพิสูจน์ตัวเองในสนาม แม้จะมีเสียงวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอ แต่บรรดาผู้บริหารชุดใหม่ต่างยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนเขาเต็มที่ พร้อมร่วมมือกันเพื่อสร้างทีมในระยะยาว ไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบเดิม ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงหลังเฟอร์กูสัน

นักวิเคราะห์ฟุตบอลจาก ufabet เว็บตรงทางเข้า เล่นได้ทุกที่ มองว่าการปฏิรูปครั้งนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญที่สุดของแมนฯ ยูไนเต็ดในรอบหลายทศวรรษ เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของการเปลี่ยนผู้บริหารหรือผู้จัดการทีม แต่เป็นการเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรทั้งหมด ซึ่งต้องใช้เวลา ความอดทน และความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งนักเตะ แฟนบอล และเจ้าของทีม หากโครงการนี้สำเร็จ แมนฯ ยูไนเต็ดอาจกลายเป็นตัวอย่างของการฟื้นฟูสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง

แม้การเปลี่ยนแปลงจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่บรรยากาศภายในสโมสรเริ่มเปลี่ยนไปในทางบวกมากขึ้น แหล่งข่าวภายในเปิดเผยว่านักเตะหลายคนรู้สึกถึง “ความเป็นมืออาชีพ” ที่เพิ่มขึ้นจากฝ่ายบริหาร และรู้สึกมั่นใจว่าทีมกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องอีกครั้ง สิ่งนี้สะท้อนถึงพลังใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นภายในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองบทใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

สุดท้ายนี้ การแต่งตั้งผู้บริหารหลายตำแหน่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อาจเป็นมากกว่าการปรับโครงสร้างองค์กรธรรมดา แต่มันคือการวางรากฐานของอนาคตที่ยั่งยืน และเป็นการประกาศให้โลกฟุตบอลรู้ว่า “ปีศาจแดง” กำลังกลับมาพร้อมความมุ่งมั่นที่จะคืนสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง ทั้งในสนามและนอกสนามอย่างแท้จริง.