มิลิเตา รับเคยคิดแขวนเกือกหลัง2ปีเจ็บหนัก

Browse By

เรื่องราวของ เอแดร์ มิลิเตา ปราการหลังชาวบราซิลของเรอัล มาดริด กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งในวงการฟุตบอล หลังจากเจ้าตัวออกมาเปิดใจอย่างตรงไปตรงมาว่า เคยคิดถึงการแขวนสตั๊ดจริง ๆ ในช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บหนักตลอดสองปีที่ผ่านมา คำสารภาพของเขาทำให้แฟนบอลทั่วโลกต่างสะเทือนใจ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่านักเตะที่มีจิตใจแข็งแกร่งเช่นนี้จะเคยอยู่ในจุดที่เกือบจะยอมแพ้ต่อเส้นทางอาชีพของตัวเอง

มิลิเตาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่าซ้าย (ACL) ในเกมเปิดฤดูกาลลาลีกาเมื่อปี 2023 ซึ่งทำให้เขาต้องพักยาวเกือบหนึ่งปีเต็ม อาการบาดเจ็บดังกล่าวถือเป็นฝันร้ายของนักฟุตบอลอาชีพ เพราะนอกจากต้องผ่าตัดและฟื้นฟูร่างกายอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังต้องต่อสู้กับความกลัวและความไม่มั่นใจในจิตใจตลอดเวลา นักเตะหลายคนไม่สามารถกลับมาอยู่ในฟอร์มเดิมได้หลังผ่านช่วงเวลาแบบนี้ และมิลิเตาเองก็เคยอยู่ในภาวะนั้น

“ผมเคยคิดจะเลิกเล่นฟุตบอลจริง ๆ” มิลิเตากล่าวในบทสัมภาษณ์พิเศษกับ Marca “มันเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตผม ผมตื่นขึ้นมาทุกวันพร้อมความเจ็บปวดที่หัวเข่าและคำถามในหัวว่า ‘ผมจะกลับไปได้ไหม?’ ผมพยายามยิ้มให้กับครอบครัว แต่ในใจกลับรู้สึกหมดแรง”

คำพูดของกองหลังชาวบราซิลสะท้อนให้เห็นถึงด้านที่หลายคนอาจไม่เคยเห็นในชีวิตของนักฟุตบอลระดับโลก เขาไม่ได้เพียงต่อสู้กับอาการบาดเจ็บทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังต้องต่อสู้กับปีศาจในใจที่คอยบั่นทอนกำลังใจทุกวัน มิลิเตาเล่าว่าในช่วงเดือนแรกหลังผ่าตัด เขาแทบไม่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากดูเกมฟุตบอล และไม่สามารถทนเห็นเพื่อนร่วมทีมลงสนามได้ เพราะนั่นทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ในช่วงเวลานั้น เรอัล มาดริด ต้องปรับแนวรับใหม่ โดยอันโตนิโอ รือดิเกอร์ และดาวิด อลาบา รับหน้าที่แทนตำแหน่งของมิลิเตา ขณะที่เจ้าตัวต้องทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องที่ศูนย์ฝึกซ้อมวัลเดเบบาส แม้ทีมแพทย์จะยืนยันว่าเขามีโอกาสกลับมาได้เต็มร้อย แต่จิตใจของนักเตะกลับไม่มั่นคงเท่าที่ควร “ผมไม่กล้าก้าวขึ้นเครื่องวิ่งในวันแรกของการฟื้นฟู ผมกลัวว่ามันจะเจ็บอีกครั้ง กลัวว่าหัวเข่าผมจะไม่เหมือนเดิม” เขากล่าว

ในขณะเดียวกัน เพื่อนร่วมทีมหลายคน รวมถึงลูก้า โมดริช และดานี การ์บาฆาล ต่างให้กำลังใจเขาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาบอกให้มิลิเตาเชื่อในตัวเองและอดทน เพราะทุกคนรู้ว่าเขาคือหนึ่งในกองหลังที่มีศักยภาพสูงที่สุดในโลก การสนับสนุนจากทีมและครอบครัวกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้เขาค่อย ๆ กลับมามีกำลังใจอีกครั้ง

มิลิเตายอมรับว่าในบางคืนเขานอนไม่หลับและต้องพึ่งนักจิตวิทยากีฬาของสโมสรช่วยให้ผ่านภาวะซึมเศร้าเบื้องต้น “ผมเริ่มเรียนรู้ว่าความแข็งแกร่งไม่ได้หมายถึงการไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่คือการยอมรับมันและหาวิธีเดินหน้าต่อ” คำพูดของเขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลและแฟนบอลมากมายทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่านช่วงเวลายากลำบากในชีวิต

ตลอดสองปีแห่งการต่อสู้กับอาการบาดเจ็บ มิลิเตาใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องฟิตเนสและห้องกายภาพ เขาเล่าว่ามันคือช่วงเวลาที่ทำให้เข้าใจถึงคุณค่าของการเป็นนักฟุตบอล “ก่อนหน้านั้นผมเล่นฟุตบอลทุกวันโดยไม่ได้คิดว่ามันพิเศษ แต่เมื่อคุณถูกพรากมันไป คุณถึงจะรู้ว่ามันมีค่ามากแค่ไหน” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ

แฟนบอลของเรอัล มาดริดต่างรอคอยการกลับมาของเขาอย่างใจจดใจจ่อ เพราะก่อนบาดเจ็บ มิลิเตาถือเป็นหัวใจสำคัญของแนวรับ เขาคือกองหลังที่มีทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่ง และการอ่านเกมอันชาญฉลาด จนได้รับการยกย่องให้เป็น “รามอสคนใหม่” ในสายตาของแฟน ๆ หลายคน การที่เขากลับมาลงสนามได้อีกครั้งในฤดูกาลล่าสุดถือเป็นสัญญาณที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับสโมสร

ในเกมที่เขากลับมาลงสนามเป็นครั้งแรก แฟนบอลในซานติอาโก เบร์นาเบว ต่างลุกขึ้นปรบมือให้กำลังใจอย่างอบอุ่น มิลิเตากล่าวหลังเกมนั้นว่า “ผมแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เสียงปรบมือของพวกเขาคือเหตุผลที่ผมไม่ยอมแพ้” เหตุการณ์นี้กลายเป็นภาพที่ถูกแชร์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ และแฟนบอลทั่วโลก รวมถึงผู้ติดตามข่าวสารในแพลตฟอร์ม สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม ต่างร่วมแสดงความยินดีต่อการกลับมาของเขาอย่างอบอุ่น

แม้จะกลับมาลงสนามได้แล้ว แต่มิลิเตอยืนยันว่าเขายังไม่หยุดพัฒนา เขาตั้งเป้าจะกลับไปอยู่ในระดับเดิมให้ได้ พร้อมยอมรับว่าการบาดเจ็บครั้งนี้เปลี่ยนมุมมองของเขาที่มีต่อฟุตบอลไปตลอดกาล “ผมไม่มองเกมในฐานะอาชีพอีกต่อไป แต่มองว่ามันคือของขวัญที่พระเจ้ามอบให้ ทุกนาทีที่ได้อยู่ในสนามคือสิ่งล้ำค่า” เขากล่าว

คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีมเรอัล มาดริด ให้สัมภาษณ์ชื่นชมลูกทีมรายนี้ว่า “ผมไม่เคยเห็นใครมีความมุ่งมั่นแบบนี้มาก่อน มิลิเตาไม่เคยยอมแพ้ เขามาซ้อมแต่เช้าและกลับเป็นคนสุดท้าย เขาคือแบบอย่างของนักฟุตบอลที่มีหัวใจนักสู้” คำพูดของกุนซือชาวอิตาเลียนนี้ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนบอล เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่ามิลิเตาไม่เพียงกลับมาทางร่างกาย แต่กลับมาด้วยจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าเดิม

ในตอนนี้ มิลิเตากำลังอยู่ในช่วงที่ฟอร์มการเล่นเริ่มกลับมาเข้าที่ เขาได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องในลาลีกาและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และกลายเป็นส่วนหนึ่งของแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรปอีกครั้ง การกลับมาของเขาช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทีมและเพื่อนร่วมแผงหลังอย่างรือดิเกอร์และอลาบา ซึ่งต่างยอมรับว่าการมีมิลิเตาอยู่ในสนามทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

ในระดับทีมชาติบราซิล มิลิเตายังได้รับการเรียกกลับไปติดทีมชุดใหญ่เช่นเดิม โดยคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกที่กำลังดำเนินอยู่ เขากล่าวอย่างถ่อมตัวว่า “การได้กลับมาเล่นให้บราซิลคือสิ่งที่ผมไม่กล้าฝันในช่วงที่เจ็บ ผมขอบคุณพระเจ้าที่ให้โอกาสผมอีกครั้ง และผมจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เสียมันไป”

สื่อในบราซิลและสเปนต่างพร้อมใจกันยกย่องมิลิเตาว่าเป็น “ตัวอย่างของความอดทนและความเข้มแข็งทางจิตใจ” ขณะที่แฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ติดตามใน คาสิโน ufabet เว็บตรง ครบทุกเกมเดิมพัน ต่างแชร์เรื่องราวของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่กำลังต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิต เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของฟุตบอล แต่คือเรื่องของมนุษย์คนหนึ่งที่ล้มแล้วลุกขึ้นได้อีกครั้งด้วยพลังศรัทธา

นอกจากนี้ มิลิเตายังกล่าวขอบคุณทีมแพทย์และนักกายภาพของเรอัล มาดริด ที่อยู่เคียงข้างเขาทุกขั้นตอน รวมถึงครอบครัว โดยเฉพาะลูกสาวตัวน้อยที่เป็นแรงผลักดันให้เขาไม่ยอมแพ้ “ทุกครั้งที่ผมรู้สึกอยากหยุด ผมมองหน้าลูก แล้วบอกตัวเองว่าผมต้องกลับไปให้ได้เพื่อให้เธอภูมิใจ” คำพูดนี้กลายเป็นประโยคที่อบอุ่นที่สุดของบทสัมภาษณ์

เรื่องราวของเอแดร์ มิลิเตา จึงไม่ใช่แค่การกลับมาของนักฟุตบอลคนหนึ่งเท่านั้น แต่มันคือเรื่องของความกล้าหาญ ความศรัทธา และการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เขาผ่านช่วงเวลาที่เกือบจะทำให้ชีวิตในวงการฟุตบอลต้องจบลง แต่เขาเลือกจะต่อสู้และกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม

ในวงการฟุตบอลที่เต็มไปด้วยข่าวดราม่าและการวิจารณ์ มิลิเตาคือเครื่องเตือนใจว่าเบื้องหลังความสำเร็จทุกครั้งมีเรื่องราวของความเจ็บปวดและการต่อสู้ซ่อนอยู่เสมอ เขาอาจเคยคิดจะเลิกเล่น แต่วันนี้เขากลับมาพิสูจน์ให้เห็นว่าความพยายามไม่มีวันทรยศ และตราบใดที่ยังมีศรัทธา เส้นทางแห่งฟุตบอลก็ยังคงเปิดกว้างเสมอ

สำหรับแฟนบอลเรอัล มาดริด การได้เห็นมิลิเตายืนหยัดในสนามอีกครั้งคือภาพที่สะท้อนความหมายของคำว่า “Never Give Up” อย่างแท้จริง และสำหรับวงการฟุตบอลทั่วโลก เรื่องราวของเขาคือแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ ว่าบางครั้งความพ่ายแพ้ไม่ใช่จุดจบ หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาอย่างสง่างามที่สุด ซึ่งมิลิเตาได้ทำให้เห็นแล้วในทุกจังหวะของชีวิตและในทุกนาทีที่เขากลับมาสวมเสื้อสีขาวแห่งเรอัล มาดริดอีกครั้ง

ความสำคัญของมิลิเตาในทีมเรอัล มาดริด

ก่อนเจ็บ มิลิเตาคือกองหลังที่ลงสนามให้ทีมมากที่สุดในฤดูกาล 2022–23 เขามีส่วนร่วมใน 50 นัดจากทุกการแข่งขัน และเป็นหัวใจหลักของแนวรับคู่กับดาวิด อลาบา จุดเด่นของเขาคือความเร็ว การเข้าปะทะแบบดุดัน และการเล่นลูกกลางอากาศได้ยอดเยี่ยม

สถิติจาก Opta ระบุว่าในฤดูกาลก่อนบาดเจ็บ มิลิเตามีอัตราชนะดวล 1 ต่อ 1 สูงถึง 72% และมีการสกัดบอลเฉลี่ย 2.1 ครั้งต่อเกม ถือเป็นหนึ่งในกองหลังที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในลาลีกา

คาร์โล อันเชล็อตติ เคยพูดถึงเขาว่า

“มิลิเตาไม่ใช่แค่ผู้เล่น เขาคือกำแพง เขาเป็นคนที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมมั่นใจได้ว่าหากพลาด ยังมีเขาอยู่ข้างหลัง”

ดังนั้น เมื่อเขาหายไปจากทีม แนวรับของมาดริดต้องปรับระบบใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้ทีมเสียประตูมากขึ้นในช่วงต้นฤดูกาล 2023–24