คำพูดของ ชาบี เอร์นานเดซ ตำนานกองกลางของบาร์เซโลน่า ได้สร้างความสนใจไปทั่วโลกฟุตบอลอีกครั้ง หลังจากที่เขาออกมาเปิดเผยว่า “ ซีเนดีน ซีดาน คนเดียวเท่านั้น ที่ผมคิดว่าเก่งกว่าผมจริง ๆ” คำพูดเรียบง่ายแต่ทรงพลังนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงความเคารพที่ชาบีมีต่ออดีตเพื่อนร่วมวงการ แต่ยังตอกย้ำให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของทั้งสองคน ที่ต่างเป็นสัญลักษณ์ของยุคทองแห่งกองกลางในศตวรรษที่ 21
ชาบี ซึ่งปัจจุบันรับบทเป็นกุนซือของบาร์เซโลน่า เปิดใจในบทสัมภาษณ์กับสื่อสเปนว่า ซีดานคือกองกลางที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น ทั้งในด้านเทคนิค การควบคุมจังหวะเกม และความสง่างามในการเล่นฟุตบอล “ผมเคยเจอกับนักเตะระดับโลกมามากมาย แต่ถ้าจะให้พูดถึงคนที่ผมรู้สึกว่าเก่งกว่าผมจริง ๆ คงต้องเป็นซีดาน เขามีทุกอย่างที่กองกลางคนหนึ่งต้องการ และเขาทำให้ฟุตบอลดูง่ายจนเหลือเชื่อ” ชาบีกล่าว
คำพูดนี้สร้างความประทับใจอย่างมากในวงการฟุตบอล เพราะชาบีเองถือเป็นต้นแบบของกองกลางยุคใหม่ เขาคือมันสมองของทีมบาร์เซโลน่าและทีมชาติสเปนในยุคที่ทั้งสองทีมครองโลกด้วยสไตล์การเล่น “ติกิ-ตากา” ที่เน้นการครองบอลและการเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาด ชาบีเป็นผู้ควบคุมจังหวะเกมและสร้างสรรค์โอกาสอย่างไม่มีใครเทียบได้ จนหลายคนเรียกเขาว่า “เครื่องจักรแห่งศิลปะฟุตบอล” แต่แม้จะมีเกียรติยศมากมายทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เขากลับเลือกยกย่องคู่แข่งร่วมยุคอย่างซีดานด้วยความจริงใจ
ซีเนดีน ซีดาน คืออีกหนึ่งชื่อที่ไม่มีใครในโลกฟุตบอลไม่รู้จัก เขาคือกองกลางผู้มีลีลาการเล่นที่สง่างาม ดุดันแต่เปี่ยมด้วยศิลปะ ลูกบอลในเท้าของเขาเหมือนถูกสะกดให้เชื่อฟัง ซีดานมีความสามารถพิเศษในการควบคุมบอลภายใต้แรงกดดันสูงและสร้างโอกาสได้ในเสี้ยววินาที เขาคือผู้นำทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 และยูโร 2000 รวมถึงการเป็นจอมทัพของเรอัล มาดริดยุค “กาลาติกอส” ที่เต็มไปด้วยนักเตะระดับโลก
ชาบีเล่าว่า เขาเริ่มชื่นชมซีดานตั้งแต่ยังเป็นดาวรุ่งในอะคาเดมีของบาร์เซโลน่า “ตอนที่ผมยังอยู่ในลามาเซีย ผมกับเพื่อน ๆ มักจะดูเทปการแข่งขันของยูเวนตุสที่มีซีดานเล่นอยู่ เขาคือแรงบันดาลใจให้ผมอยากเป็นกองกลางที่สามารถควบคุมเกมได้แบบเขา” ชาบีกล่าวด้วยรอยยิ้มที่แฝงความเคารพ
เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งคู่ได้มีโอกาสเผชิญหน้ากันในสนามจริงหลายครั้ง โดยเฉพาะในศึกเอล กลาซิโก้ ช่วงต้นทศวรรษ 2000 ที่บาร์เซโลน่ากับเรอัล มาดริด ต่างมีทีมชุดสุดแกร่ง มันคือยุคที่โลกฟุตบอลได้เห็นการต่อสู้ระหว่างสองแนวคิด — “ศิลปะแห่งการครองบอล” ของบาร์ซ่า และ “ความสง่างามแบบแชมเปี้ยน” ของมาดริด การดวลกันระหว่างชาบีกับซีดานในแดนกลางถือเป็นการปะทะกันของสองมันสมองแห่งยุค ที่ต่างพยายามครอบครองพื้นที่กลางสนามด้วยสไตล์อันแตกต่าง
สิ่งที่ทำให้ซีดานเหนือกว่าคนอื่นในสายตาของชาบีคือ “ความสงบในสถานการณ์ที่วุ่นวาย” เขาอธิบายว่า “ในจังหวะที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนก ซีดานจะยังคงนิ่งและคิดได้เร็ว เขาทำให้การเล่นฟุตบอลดูเป็นเรื่องธรรมชาติ ทั้งที่จริงมันยากเหลือเกิน” คำพูดนี้ได้รับการยกย่องจากแฟนบอลในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชมฟุตบอลของ ufabet เล่นผ่านมือถือ รองรับ iOS และ Android ที่มองว่า การยอมรับของชาบีมีน้ำหนักมาก เพราะมาจากคนที่เข้าใจเกมฟุตบอลลึกซึ้งที่สุดคนหนึ่งในโลก

นอกจากจะชื่นชมฝีเท้าแล้ว ชาบียังยอมรับในบุคลิกและความเป็นผู้นำของซีดาน “เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก แต่ทุกคนในทีมรู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่ออยู่กับเขา การมีซีดานในสนามเหมือนมีครูอยู่ตรงนั้น เขาทำให้ทุกคนรอบตัวดีขึ้น” ซึ่งคำพูดนี้ตรงกับสิ่งที่อดีตเพื่อนร่วมทีมของซีดานหลายคนเคยกล่าวไว้เช่นกันว่า เขาคือผู้นำโดยธรรมชาติ
เมื่อพิจารณาจากผลงานในสนาม ทั้งชาบีและซีดานต่างประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ซีดานคว้าแชมป์ลีกในฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน รวมถึงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช ขณะที่ชาบีก็พาบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลาลีกาหลายสมัย รวมถึงถ้วยยุโรปถึง 4 ครั้ง และนำทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ยูโรสองสมัยติดต่อกันและฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งเป็นยุคทองที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสเปน
แฟนบอลจำนวนมากมักชอบตั้งคำถามว่า “ระหว่างชาบีกับซีดาน ใครเก่งกว่ากัน?” ซึ่งคำถามนี้มักไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะทั้งคู่มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซีดานคือกองกลางที่เต็มไปด้วยศิลปะ ความพลิ้วไหว และการสร้างสรรค์จังหวะเฉียบขาด ขณะที่ชาบีคือกองกลางที่เปี่ยมด้วยความแม่นยำ การคอนโทรลจังหวะเกม และการเชื่อมโยงผู้เล่นทั้งทีมให้เคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียว แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ “ความอัจฉริยะ” ที่ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นตำนาน
นักวิเคราะห์จาก ทางเข้า ufabet ออโต้ เข้าเร็วไม่สะดุด ได้ให้มุมมองเพิ่มเติมว่า เหตุผลที่ชาบียกย่องซีดาน อาจไม่ใช่เพียงเพราะความเก่งทางเทคนิค แต่เพราะเขามองเห็น “ความสวยงามในวิธีคิดของซีดาน” ซีดานไม่ได้เล่นฟุตบอลเพื่อตัวเอง แต่เล่นเพื่อให้ทีมได้เปรียบ เขาเข้าใจเกมในเชิงลึกและรู้ว่าจังหวะไหนควรเร่งหรือชะลอ เป็นสิ่งที่นักฟุตบอลเพียงไม่กี่คนในโลกสามารถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสนามฟุตบอลเท่านั้น ชาบีเผยว่า เขามีโอกาสพูดคุยกับซีดานในงานการกุศลเมื่อไม่กี่ปีก่อน และรู้สึกทึ่งในความถ่อมตัวของอีกฝ่าย “เขาเป็นคนเรียบง่ายมาก ไม่พูดถึงความสำเร็จของตัวเองเลย เราคุยกันเรื่องฟุตบอลราวกับเป็นนักเตะธรรมดาสองคนที่ยังหลงใหลในเกมนี้” คำพูดนี้ตอกย้ำถึงความเคารพระหว่างยอดนักเตะสองยุคที่เข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดมาก
น่าสนใจว่าหากมองในมุมของโค้ช ทั้งชาบีและซีดานต่างก็มีเส้นทางที่คล้ายกันในบางด้าน ซีดานประสบความสำเร็จทันทีเมื่อคุมเรอัล มาดริด โดยพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 3 สมัยติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นสถิติที่ไม่มีใครทำได้มาก่อนในยุคสมัยใหม่ ส่วนชาบีเองก็เริ่มต้นเส้นทางคุมทีมบาร์เซโลน่าด้วยความมุ่งมั่นในการปลูกฝังปรัชญา “ฟุตบอลสวยงามและมีจิตวิญญาณ” แม้จะยังมีอุปสรรคในช่วงแรก แต่เขาก็เริ่มสร้างทีมขึ้นมาในแนวทางของตนเอง โดยยึดมั่นในสไตล์การเล่นที่สืบทอดจากเป๊ป กวาร์ดิโอล่า และโยฮัน ครัฟฟ์
ซีดานในฐานะกุนซือก็ได้รับคำชื่นชมว่าเป็น “โค้ชที่เข้าใจนักเตะมากที่สุด” เขาไม่เน้นแท็กติกซับซ้อน แต่ใช้ความเข้าใจในจิตใจของผู้เล่นเพื่อสร้างทีมให้มีความเชื่อมั่นสูงสุด ซึ่งเป็นแนวทางที่ต่างจากชาบีที่ให้ความสำคัญกับระบบและการเคลื่อนบอลอย่างละเอียด แต่ทั้งคู่ต่างมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน — พวกเขาคือ “ผู้นำโดยธรรมชาติ” ที่สามารถดึงศักยภาพของนักเตะรอบข้างออกมาได้เต็มที่
ในบทสัมภาษณ์เดียวกัน ชาบียังกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “บางครั้งผมอยากให้ตัวเองมีทักษะแบบซีดานสักครึ่งหนึ่ง เขามีวิธีหมุนตัวและพาบอลผ่านคู่แข่งที่ทำให้ฟุตบอลดูเหมือนศิลปะการเต้นมากกว่าการแข่งขัน” คำพูดนี้สะท้อนความจริงที่แฟนบอลทั่วโลกเห็นตรงกันว่า ซีดานไม่เพียงเป็นนักฟุตบอล แต่เป็น “ศิลปินแห่งสนามหญ้า” ตัวจริง
แฟนบอลจำนวนมากต่างออกมาแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียหลังการให้สัมภาษณ์ของชาบี โดยส่วนใหญ่ยกย่องเขาในฐานะคนที่กล้ายอมรับความจริงและให้เกียรติคู่แข่ง หลายคนในคอมมูนิตี้ของ สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม แสดงความคิดเห็นว่า นี่คือสิ่งที่ทำให้ชาบีแตกต่างจากนักฟุตบอลทั่วไป เพราะเขาไม่เคยวัดคุณค่าของตนเองด้วยความอิจฉา แต่ด้วยการเคารพในความยิ่งใหญ่ของผู้อื่น
ตลอดเส้นทางอาชีพ ชาบีและซีดานอาจอยู่คนละฝั่งของสมรภูมิเอล กลาซิโก้ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป พวกเขาคือส่วนหนึ่งของยุคที่ทำให้ฟุตบอลสเปนและยุโรปกลายเป็นศูนย์กลางของโลก ทั้งสองคนต่างยกระดับตำแหน่งกองกลางให้กลายเป็นหัวใจของเกม ไม่ใช่เพียงผู้ช่วยส่งบอล แต่คือผู้นำที่กำหนดชะตาของการแข่งขัน
เมื่อมีคนถามชาบีว่าหากต้องเลือก 11 ผู้เล่นในดวงใจ เขาจะใส่ใครในแดนกลาง เขาตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ผมจะเลือกซีดานก่อนใคร เขาคือแรงบันดาลใจของผมตั้งแต่เด็ก และจะยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป” คำตอบนี้ทำให้แฟนบอลทั่วโลกต่างยิ้ม เพราะมันคือการยอมรับจากใจของผู้ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดเหมือนกัน